“มะพร้าว”
เป็นพืชที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี
เพราะในวิถีชีวิตของคนไทยได้นำมะพร้าวมาผูกพันกับชีวิตประจำวันมากมายหลายอย่าง
นับตั้งแต่การนำมาบริโภค ปรุงอาหารคาวหวาน การนำส่วนต่างๆ
ของมะพร้าวมาใช้ในงานพิธีต่าง ๆ เช่น พิธีลงเสาเอก พิธีแห่ขันหมาก พิธีบวงสรวง และงานบุญต่าง
ๆ
ถ้าจะพูดถึงประโยชน์ของมะพร้าวโดยละเอียดเราจะพบว่าทุกส่วนของต้นมะพร้าวสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น
เช่น
ราก - ใช้ทำสีย้อมผ้า
และทำของใช้เครื่องประดับบ้าน เช่น ตะกร้า กระเช้าดอกไม้ กรอบรูป ฯลฯ
ลำต้น - ใช้ทำเครื่องเรือน
เฟอร์นิเจอร์ ไม้กระดาน ฯลฯ
ทางมะพร้าว - ใช้ทำรั้ว ทำฟืน ฯลฯ
ใบมะพร้าว - ใช้มุงหลังคา ทำภาชนะใส่ของ
หมวก ของเด็กเล่น ฯลฯ
ก้าน - ใช้ทำไม้กวาด ก้านดอกไม้ประดิษฐ์ มู่ลี่ ตะกร้า ฯลฯ
รกมะพร้าว - ทำเป็นของใช้ เช่น รองเท้า กระเป๋า
หมวก กล่อง ฯลฯ
จั่นมะพร้าว - ทำโครงเรือ นำมาประดิษฐ์ของใช้ต่างๆ
เช่น กรอบรูป เชิงเทียน
ฯลฯ
ผลมะพร้าว - ส่วนที่เป็นเส้นใย และขุย ใช้ทำเบาะ เก้าอี้ ที่นอน พรมเช็ดเท้า เชือก ผสมดินเพาะชำ ตอนกิ่งต้นไม้ ฯลฯ ส่วนที่เป็นเนื้อใช้บริโภค
น้ำมะพร้าวใช้ดื่มแก้กระหาย ทำน้ำส้มสายชู ฯลฯ
ส่วนของลูกมะพร้าวอีกส่วนหนึ่ง
ซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้คือ “กะลามะพร้าว” เมื่อถูกมนุษย์เอาเนื้อออกไปรับประทานหมดแล้วก็เป็นเศษวัสดุที่ไม่ค่อยมีราคาค่างวดสักเท่าไรคนสมัยก่อนมักนำไปใช้ทำเชื้อเพลิง
หรืออย่างดีก็คิดเอาไปทำเครื่องใช้ในครัวเรือน เช่น กระบวยตักน้ำ ทัพพี ถ้วย ชาม ฯลฯ
ความสำคัญของกะลามะพร้าวในสมัยก่อนมีค่าไม่มากนัก
จึงมีการเปรียบเปรยคนที่ใช้ชีวิตอย่างไร้คุณค่าเหมือนกะโหลกกะลา
ทางภาคใต้ผู้ที่ชอบเถลไถลไม่ทำอะไรเลย จะถูกเรียกขานว่า “ไอ้พลกไอ้ต้อ” เป็นการบ่งบอกถึงความไร้ค่าเสมอด้วยกะลา